เปิดผลชันสูตรเจ้าร่ำรวย ตายข้างหลังนำไปฝากเลี้ยง

[Chigaru]

เปิดผลพิสูจน์ "เจ้ารวย" สุนัขประเภทปั๊ก ข้างหลังนำไปฝากเลี้ยงที่สถานที่รับเลี้ยงแห่งหนึ่งใน จังหวัดจังหวัดนนทบุรี ได้เพียงแต่ 1 ชั่วโมงแล้วตาย ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด

จากกรณี นายพัฒน์ธนฉัตร เครื่องจันทร์ อายุ 36 ปี บุรุษพยาบาล นำหมาพันธ์ุปั๊ก เพศผู้ ชื่อ "เจ้ามั่งมี" อายุ 3 ปี ไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงแห่งหนึ่ง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แล้วเสียชีวิตลงภายหลังจากฝากเลี้ยงได้เพียง 1 ชั่วโมง ถัดมานายพัฒน์ธนฉัตรได้เข้าแจ้งเหตุฟ้องร้องคดีกับสถานรับเลี้ยงดังที่กล่าวมาแล้ว กับพนักงานที่ทำหน้าที่ในการสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ โดยผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้สั่งอายัดร่างสุนัขเพื่อนำส่งพิสูจน์หาปัจจัยการตายที่จริงจริง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นเปิดผลชันสูตร "เจ้ารวย" สุนัขพันธุ์ปั๊ก หลังนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงแห่งหนึ่งใน จังหวัดนนทบุรี


ปัจจุบันเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มี.ค.2566 นายพัฒน์ธนฉัตร ได้เดินทางเข้าพบพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมอีกกับนำผลของการชันสูตรของหน่วยพิสูจน์โรคสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ซึ่งตรวจพิสูจน์ระบุว่า สุนัขตัวดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้เสียชีวิตลงจากสภาวะหัวใจและเส้นเลือดล้มเหลว โดยพบสภาวะขยายของเส้นเลือดทั้งยังร่างกาย โดยยิ่งไปกว่านั้นส่วนปลาย เป็นต้นว่า ผิวหนัง ซึ่งน่าจะมีต้นเหตุมาจากภาวการณ์อุณหภูมิในรางกายสูงขึ้นมากยิ่งกว่าปกติแล้วก็เจอภาวะไตวายกระทันหันหรือสถานการณ์ฮีทสโตรก


นายพัฒน์ธนฉัตร พูดว่า วันนี้ตนได้นำผลชันสูตรมามอบให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เพื่อยืนยันต้นเหตุการเสียชีวิตของหมาตนว่ามาจากความประมาทเลินเล่อของข้าราชการสถานที่รับเลี้ยง ที่ปลดปล่อยให้หมาตนวิ่งเล่นเป็นเวลานาน ประกอบกับลักษณะอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนทำให้หมาตนกำเนิดสถานการณ์ฮีทสโตรกรวมทั้งเสียชีวิตในเวลาถัดมา ตนกับสถานรับเลี้ยงแห่งนี้ไม่ได้มีเรื่องมีราวขุ่นเคืองอะไรกันมาก่อน ซึ่งตนยังเคยนำสุนัขมาฝากเลี้ยงไว้ด้วยความวางใจนายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวต่อว่าต่อขาน เขาจะมาอ้างถึงว่าเห็นสุนัขของตนเองแข็งแรง เลยปลดปล่อยให้หมาวิ่งเล่นจนกระทั่งหอบไปนอนข้างอ่างน้ำแล้วก็ยังปลดปล่อยให้วิ่งเล่นต่อในรอบ 2 อีก โดยไม่สังเกตลักษณะของหมาเลย พอหมาตนตายไปแล้วก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร บอกแม้กระนั้นจ่ายค่าสุนัขให้ได้เพียง 20,000 บาท พร้อมเรียกเอาใบรับเงินค่าสุนัขนายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวอีกว่า ซึ่งถ้ามีการแสดงความรับผิดชอบหรือแสดงความหวังดีออกมาบ้าง เพียรพยายามเสวนาหาจุดกึ่งกลางกันสำหรับการพูดจา ตนก็อาจจะไม่มาแจ้งความฟ้องร้องคดีอย่างงี้ แม้กระนั้นในเมื่อวันนี้ตนต่อสู้มาถึงขั้นนี้แล้ว อีกทั้งจำเป็นต้องจ่ายค่าจัดงานศพ จ่ายค่าตรวจผลชันสูตรแล้ว ตนก็จะฟ้องร้องคดีให้ถึงที่สุดถัดไป ทุกๆวันนี้เมื่อตนเห็นภาพเจ้าร่ำรวยหมาของตัวเองที่เสียไป ตนก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น


นายพัฒน์ธนฉัตร พูดว่า วันนี้ตนจะไม่ต้องต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสุนัขตนเพียงผู้เดียวแล้ว หลังได้รับการผสานติดต่อกับทาง วอชด็อก ไทยแลนด์ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้คำปรึกษาคดี โดยมีกลุ่มฝ่ายข้อบังคับที่มีความรู้ความเข้าใจโดยตรงเข้ามาดูแช่วยเหลือ ตนจำต้องขอบพระคุณทางวอชด็อกไทยแลนด์ที่ให้ความใส่ใจกับคดีของตน ไม่มองดูเพียงแค่ว่าหมาเป็นเพียงแค่สิ่งของอย่างหนึ่ง โดยทางวอชด็อกได้ผสานกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เพื่อติดตามคดีด้วย

นายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวเหตุว่า พื้นฐานได้แจ้งความฟ้องกับทางศูนย์รับเลี้ยงสุนัขที่นี้ในข้อกล่าวหาข่มเหงสัตว์ด้วยการนำสัตว์ไปไว้ภายในที่ที่ไม่มีอากาศหายใจ ทำให้เกิดอาการฮีทสโตรก ตามคำตัดสินของสัตวแพทย์ เนื่องด้วยทางผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีหน้าที่ที่ต้องทราบว่าความประพฤติต่อสัตว์แบบใดนับเป็นการข่มเหงโดยชอบด้วยกฎหมาย จะอ้างถึงว่าไม่รู้จักมิได้ เช่นเดียวกับพสกนิกรซึ่งมีบทบาทต้องทราบข้อบังคับ จะอ้างว่าไม่เคยรู้ไม่ได้เช่นเดียวกัน


นายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวต่อว่า ยิ่งไปกว่านี้ ยังได้ฟ้องร้องในข้อหาทำให้เสียทรัพย์เพิ่มอีก 1 ข้อหา เพื่อใช้สิทธิสำหรับเพื่อการเรียกร้องค่าเสียหายตามราคาของจิตใจจากการสูญเสียสัตว์อันเป็นหวานใจรวมทั้งมีค่า คล้ายคนภายในครอบครัวกับทางพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวนแล้ว

ด้าน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จึงได้สะสมพยานหลักฐานทั้งปวง เพื่อจัดเตรียมออกหมายเรียกให้ทางศูนย์รับเลี้ยงหมาที่นี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13268/