6 นิสัยพากระทั่ง คนจำนวนไม่น้อยชิน ไม่เคยพินิจตนเอง

[luktan1479]

"ความขาดแคลน" เป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งกว่าที่คุณคิด เมื่อต้นปี 2015 องค์กรต้านความย า กจน "อ๊อกเฟม" ได้เผยแพร่ข้อมูลในเมืองดาวอส สำหรับในการประชุม เวิล์ด อีวัวโนมิค ฟอรัม พูดว่า คนที่มั่งมีที่สุดในโลก 1% เป็นเจ้าของความมั่งมีสูงถึง 48% ของความมั่งคั่งบนโลก แล้วคุณรู้สึกว่า! ในประเทศไทย

คนมั่งมีที่สุดจะครองความมั่งคั่งไปเท่าไหร่? แล้วจะเหลือพื้นที่กี่เปอร์เซ็นต์ไว้ให้คุณ วันนี้! ถ้าเกิดคุณยังไม่ตื่นตัวปรับปรุงตัวเอง ก็เท่ากับคุณกำลังก้าวลงสู่ความจนไปแต่ละวัน


และก็เปอร์เซ็นต์ความมั่งมีของคุณก็จะยิ่งถูกคนร่ำรวยขย า ยอาณาบริเวณไปเรื่อยมาดู 6 ข้อนี้ที่จะทำให้ท่านยิ่งจนถึงลง ถ้ายังคงทำอยู่ในทุกๆวันของชีวิตและควรรีบปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน!

1. ดำรงชีวิตเกินค่าครองชีพ

หลายๆคนดำรงชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย ทั้งจับจ่ายใช้สอยตามใจชอบ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้กระทั้งยอมเป็นหนี้เป็นสินบัตรเครดิต เพียงแต่เพื่ออยากได้ซื้ อ ข้าวของที่ไม่มีความสำคัญมาแต่งแต้มชีวิตคุณให้ดูดี แล้วก็ "ดูมี" เหมือนคนอื่นๆ คนอื่นที่ว่าบางทีอาจทำเป็น เพราะเหตุว่าสถานะทางการเงินของเขาอาจมั่นอาจจะหรือพร้อมกว่า แต่ว่าการใช้เงิน "เกินค่าครองชีพที่จำเป็น"

อาทิเช่น กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเท่าไหร่? ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายบันเทิงใจได้อีกทั้งเดือน นั่นคือราคากาแฟที่เหมาะสมกับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว ถ้าหากรู้สึกว่าไม่สบายใจที่จะจ่ายแต่ว่าอย า กซื้ อ โน่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยด้านการเงินที่คุณกำลังใช้เกินความสามารถอยู่

2. หนักไม่เอา ค่อยไม่สู้

"ความขาดแคลน" น่ากลัวกว่าที่คุณคิด หากว่าคุณลองถามมหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มจากศูนย์ แม้กระนั้นขยันทำมาหากิน พัฒนาตัวเอง แล้วก็กล้าก้าวข้ามความเมื่อยล้าจนถึงสร้างฐานะกระทั่งมั่งคั่ง

เขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่อย า กกลับไปจนถึงอีก" แม้กระนั้นสำหรับหลายๆคนที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ พึ่งเริ่มธุรกิจส่วนตัว แต่ว่ายังไม่สู้งานหนัก


ไม่พร้อมกลับบ้ า นมืดค่ำ หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็อาจย า กที่จะปรับปรุงไปสู่ความรวยทางด้านการเงิน เนื่องจากว่านาทีทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ

3. ผัดวัน ไม่มีระเบียบ ชิลไปวันๆ

สโลว์ไลฟ์ คือชีวิตชั้นสูง ที่ผู้ที่มีฐานะทางการเงินพร้อมพรั่งเพียงแค่นั้น ก็เลยจะพร้อมในการนั่งจิบกาแฟเรื่อยๆท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เงินซื้ อ ความสบายสบายเท่าที่พอใจ แต่กลับมาก่อน คุณยังเป็นหนี้เป็นสิน คุณยังไม่มีการคลังป้อมปราการอาจจะ คุณยังไม่มีความสะดวกมือสำหรับในการจับจ่ายใช้สอย

เนื่องจากว่าคุณยังไม่มีระเบียบด้านการเงินที่ดีแล้วก็รัดกุม ที่สำคัญ! คุณยังทำงานแล้วก็เก็บเงินแบบผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับจุดสำคัญ 1 2 3 ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการในชีวิตเป็นยังไง จะทำให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และก็สร้างระเบียบให้กับชีวิตที่ต้องการได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

4. ไม่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น

"ไม่มีผู้ใดสามารถดำเนินการผู้เดียวได้" แม้กระทั้งอาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังควรจะมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานประสิทธิภาพให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณจำต้องปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นในทีม สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลงานที่เผชิญความเร็จตามเป้า

แต่ว่าคือประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการติดต่อประสานงานให้เป็นผลลัพธ์สูงสุดตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ หลายๆคนเสียโอกาสสำคัญสำหรับเพื่อการรุ่งเรืองหรือเลื่อนขั้นงาน เพราะไม่สามารถความเกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆได้


ก็เลยทำให้ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนตำแหน่ง หรือ ถ้าหากคุณทำธุรกิจอยู่ ก็น่าจะขัดข้องอย่างแน่แท้ แม้จำต้องร่วมหุ้นกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แม้กระนั้นคุณกลับประพฤติเป็นพระเอกอยู่คนเดียว และท่องเที่ยวบอกใครๆว่าคุณทำงานนี้เสร็จทั้งที่ได้ผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของทีมงาน

5. กลัวการตั้งความมุ่งหมายในชีวิต

การพุ่งชนจุดมุ่งหมาย บางทีอาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับบางบุคคล ตัวอย่างเช่น คนที่ตั้งเป้าว่าจะ "ปลดหนี้" แต่กลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการใช้หนี้ตรงตรงเวลา หรือเปล่ามีวินัยสำหรับเพื่อการปลดหนี้ ก็เลยทำให้เลี่ยงการใช้หนี้ จนกระทั่งเป็นเหตุให้จะต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่มากขึ้น หรือบางบุคคลตั้งเป้าหมายว่าจะคิดบัญชี 10-20% จากค่าตอบแทนรายเดือนเสมอๆ

แต่ยอมแพ้เพราะมองเห็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจกำลังลดราคารัว ทำให้จะต้องควักเงินในกระเป๋าซื้ อ มาจนได้และเป้าหมายที่อย า กเก็บเงินก็เลยล้มเหลวหมดรูป ความล้มเหลวที่คนพวกนี้ประสบคือ "ความหวาดกลัวแผนการที่ตนอย า กทำ" หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เนื่องจากว่ากลัวทำไม่ได้ จึงเป็นปัญหาสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังทลายและไม่สามารถหลุดพ้นความอัตคัดได้สักครั้ง

6. คิดมากกระทั่งก้าวสู่ความขี้ขลาด

คนคิดมากกับคนถ้วนถี่นั้นแตกต่าง คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรที่จะนำมาตรอง แต่จะนำทุกปัญหามารวมกันกระทั่งทำให้ไม่เห็นทางออก แม้กระนั้นผู้ที่คิดรอบคอบจะคิดเกิดเรื่องๆและลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรจะมาก่อนมาหลัง ทำให้คิดเป็นขั้นตอนและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างเร็ว ซึ่งคนจำพวกที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ

จะไม่กล้าคิดแผนสำหรับในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างผลกำไร เพราะเหตุว่ากลัวความผิดพลาด ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต หรือ คนที่คิดมากเมื่อดำเนินงานเป็นพนักงานประจำ จะกลัวการเสนอความคิดเห็น หรือ


ไม่กล้าที่จะดำเนินการย า กๆเพื่อปรับปรุงตนเอง ซึ่งเป็นเพราะการใคร่ครวญโดยใช้ทุกความนึกคิดมารวมกัน จนกระทั่งแปลงเป็นความกลุ้มใจ หรือ ขย า ยกระทั่งเป็นความขี้กลัว ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ถึงแม้ว่าช่องทางมาอยู่ข้างหน้า
นิสัยพาจน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13475/